ลูกกอล์ฟ (Golf Ball) ทำมาจากอะไร? และมีวิธีการผลิตอย่างไร?

          ลูกกอล์ฟที่ทำจากยางสามารถผลิตได้ง่ายและมีราคาต่ำ ในระยะแรกลูกกอล์ฟที่ทำจากยางจะมีผิวลื่นเรียบทำให้ไม่สามารถตีได้ในระยะไกล ต่อมาผู้ใช้ต้องการให้ลูกกอล์ฟที่ทำจากยางมีระยะการเคลื่อนที่ไกลเท่ากับระยะการเคลื่อนที่ของลูกกอล์ที่ทำจากขนห่านซึ่งเป็นลูกกอล์ฟที่ผลิตในระยะแรกๆ จึงเริ่มมีการทดลองทำผิวลูกกอล์ฟให้เกิดเป็นลาย bramble ซึ่งเป็นลูกกอล์ฟเป็นลายแรก มีลักษณะเป็นลายนูนคล้ายผิวของลูกเบอร์รี่ ต่อมาได้พัฒนามาเป็นลาย dimple โดยวิลเลียม เทเลอร์ เป็นผู้คิดค้นการพิมพ์รอยบุ๋มลงบนลูกกอล์ฟ ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานในอากาศ เพิ่มความเร็ว และเพิ่มระยะการลอยตัว ทำให้ลูกกอล์ฟเคลื่อนที่ได้ไกลมากขึ้น และลูกกอล์ฟลาย dimple เป็นลายที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

ชนิดของลูกกอล์ฟ

ลูกกอล์ฟแบ่งตามโครงสร้างออกเป็น 2 ชนิด คือ

1. Wound ball คือ ลูกกอล์ฟที่มียางพันรอบๆ แกนกลาง วัสดุที่เป็นแกนกลางมี 2 ประเภทคือ
1.1  แกนกลางที่เป็นของเหลว (liquid center) ทำมาจากสารแขวนลอยของ barites, bentonite ที่ละลายน้ำและ glycerin ที่รวมกันอยู่ในถุง
       ที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติและมัดจนแน่น
1.2  แกนกลางที่เป็นของแข็ง (solid center) ทำจากยางสังเคราะห์ โดยยางสังเคราะห์ที่นิยมาใช้คือยาง BR หรือยางบิวตะไดอีน

วัสดุเปลือกหุ้มเป็น balata หรือ surlyn สมบัติของลูกกอล์ฟ wound ball ค่อนข้างอ่อนนุ่มและหมุนได้ดีมากกว่า แต่ตีไม่ได้ระยะไกลเท่าที่ควร และสมบัติต่างๆ เสื่อมเร็ว และไวต่ออุณหภูมิ คือ จะสูญเสียระยะการตีเมื่ออุณหภูมิต่ำ (ต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส)

ปัจจุบันความนิยมลูกกอล์ฟ wound ball ลดลงเรื่อยๆ หลังจากที่มีการคิดค้นลูกกอล์ฟแบบอื่นที่สามารถตีได้ระยะไกลกว่า

2. Solid ball คือ ลูกกอล์ฟที่แกนกลางทำจากยาง ทำให้ลูกกอล์ฟกระเด้งได้ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
2.1 One-piece ball คือ ลูกกอล์ฟที่มีโครงสร้างชิ้นเดียว ทำจากยางสังเคราะห์ โดยยางสังเคราะห์ที่นิยมาใช้คือยาง BR หรือยางบิวตะไดอีน เมื่อได้รับแรงอัดสูง
       ก็จะเกิดการผิดรูปสูญเสียพลังงานในการบังคับขณะเคลื่อนที่ และทำให้เคลื่อนที่ได้ระยะไม่ไกลเมื่อเทียบกับลูกกอล์ฟโครงสร้างแบบอื่นๆ
2.2 Two-piece ball คือ ลูกกอล์ฟที่ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเปลือกหุ้ม และส่วนที่เป็นแกนกลาง มีข้อดีคือ แกนกลางแข็ง และวัสดุที่นำมาใช้ทำแกนใน
       ปัจจุบันมีสมบัติที่ดี ทำให้การกระเด้งสูงและพุ่งออกไปได้ไกล ส่วนเปลือกหุ้มเป็นวัสดุอ่อนนุ่มทำให้ลูกกอล์ฟสามารถหมุนได้เพียงพอ และเมื่อตกลงถึงพื้น
       จะหยุดนิ่ง
2.3 Multi-layer ball คือ ลูกกอล์ฟที่มีแกนกลางถูกหุ้มในเปลือกหลายชั้น ถูกออกแบบให้มีชั้นที่อยู่ระหว่างเปลือกหุ้มกับแกนกลางที่เรียกว่า middle layer
       โดยใช้วัสดุที่มีความอ่อนนุ่ม ความแข็ง และความหนาแน่นของวัสดุที่ไม่เท่ากันในแต่ละชั้นมาเป็นลูกเล่นในการออกแบบ ทำให้ลูกกอล์ฟสามารถตีได้ในระยะไกล
       และเมื่อตกถึงพื้นจะหยุดนิ่ง ลูกกอล์ฟประเภทนี้มีหลายแบบ เช่น 3-piece golf ball และ 4-piece gold ball

(รูปที่ 1 ชนิดของลูกกอล์ฟ)

กระบวนการผลิต

1. นำยางและสารเคมีที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วอัดลงในเบ้าพิมพ์แกนกลาง ให้ความร้อนและความดัน แกนกลางที่ได้จะมีขนาดประมาณ 1.5 นิ้ว
2. ทำการขึ้นรูปด้วย injection molding หรือ compression molding
– Injection molding : นำแกนกลางมาวางตรงกลางช่องว่างเบ้าพิมพ์ที่ยึดแกนกลางด้วยเข็มหมุด จากนั้นฉีดเทอร์โมพลาสติกหลอมเข้าไปในแม่พิมพ์ที่มีลาย
   dimple หุ้มรอบแกนกลาง เมื่อเทอร์โมพลาสติกเย็นตัวลงและแข็งขึ้นให้ดึงเข็มหมุดออก และถอดลูกกอล์ฟออกจากแม่พิมพ์
– Compression molding : นำเปลือกหุ้มวงกลมทั้ง 2 ส่วน ที่ได้จากกการฉีด (injection molding) มาวางหุ้มรอบแกนกลางในแม่พิมพ์อัด จากนั้นให้ความร้อน
   และความดันเพื่อให้เปลือกหุ้มหลอมติดกับแกนกลางและเกิดเป็นลาย dimple

สำหรับการผลิตลูกกอล์ฟแบบ 3-piece ball ต้องขึ้นรูปด้วย compression molding เท่านั้น เนื่องจากพลาสติกร้อนที่ไหลผ่านจะทำให้ชั้นบางๆ ของยางบิดเบี้ยวหรือเสียรูปทรงได้
3. ตกแต่งลูกกอล์ฟด้วยการตัดเศษยางที่เกินตามรอยต่อออก พ่นสีเปลือกหุ้มลูกกอล์ฟโดยใช้ปืนฉีดพ่น (spray guns) ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ พิมพ์ตรา (logo)
     บนลูกกอล์ฟ ทำความสะอาดเปลือกและเคลือบแลกเกอร์ให้มันเงา
4. นำลูกกอล์ฟไปอบให้แห้ง และบรรจุบงในกล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อจัดจำหน่าย

(รูปที่ 2 กระบวนการผลิตลูกกอล์ฟ)

Verified by MonsterInsights